จัดทำเเพ็คเกจที่ดึงดูดลูกค้า

จัดทำแพ็คเกจที่ดึงดูดใจลูกค้า ส่วนที่ 1

วิธีจัดทำแพ็คเกจตามธีมเพื่อเพิ่มยอดขายและผลกำไร



นักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนหย่อนใจต้องการมากกว่าที่พัก แต่ยังต้องการรับประทานอาหาร ชมสถานที่ท่องเที่ยว และร่วมงานอีเวนต์ด้วย ทำไมไม่ลองให้การบริการที่เพิ่มคุณค่าให้กับแขกโดยจัดทำตารางการท่องเที่ยวให้แขกดูล่ะ ประสานงานกับทีมการตลาดของสถานที่ท่องเที่ยว งานอีเวนต์ และร้านอาหารในพื้นที่เพื่อจัดทำแพ็คเกจตามธีมที่สามารถขายในราคาพิเศษเพิ่มเติมได้ มาเริ่มกันดีกว่า

ดูเหตุผลที่ควรทำ

ก่อนอื่น มาดูกันว่าทำไมคุณจึงควรทำแพ็คเกจลักษณะนี้ แพ็คเกจช่วยเพิ่มผลกำไรและกระตุ้นการจองห้องพักในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวได้ และแขกที่จองห้องพักแบบเป็นแพ็คเกจมักจะไม่ยกเลิกทริปของตน 1 คุณสามารถจัดทำแพ็คเกจที่เกาะกระแสฮอตฮิตและอัพเดตแพ็คเกจเป็นประจำเพื่อกระตุ้นให้แขกเข้าพักซ้ำ เช่น รวมตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์ในท้องถิ่นที่จัดแสดงนิทรรศการ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” หรือร่วมมือกับบริษัทจำหน่ายชุดอุปกรณ์กีฬาทางน้ำที่ให้บริการกระดานแพดเดิลบอร์ด แพ็คเกจที่จัดทำอย่างสร้างสรรค์ยังเป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์จุดเด่นของสถานที่ให้บริการของคุณ เช่น ร้านอาหารที่ได้รับรางวัลของคุณหรือห้องพักที่สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้าพักด้วยได้

นอกจากนี้ ยังสามารถประชาสัมพันธ์ธุรกิจและรักษาลูกค้าให้ใช้บริการในพื้นที่ของคุณอีกด้วย และนี่คือแรงจูงใจที่คุณ Judy Dalessandro ผู้อำนวยการฝ่ายขายของ HYATT house™ ใน Fishkillนิวยอร์กได้รับ“ชุมชนของเราสามารถมีศิลปะ สถานที่ท่องเที่ยวที่เก่าแก่ และอาหารนานาชนิดที่ไม่เหมือนใครได้” คุณ Judy กล่าว “โรงแรมของเราต้องร่วมมือกับสถานที่ท่องเที่ยวในท้องถิ่นเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในฮัดสัน วัลลีย์นี้”

คำนึงถึงแบรนด์ของคุณ

หากคุณให้บริการสถานที่ให้บริการหรู อย่าคิดว่านี้คือข้อเสนอแบบ “ส่วนลด” เพราะนี่คือประสบการณ์ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้ลูกค้ามากกว่า แขกของคุณไม่ได้สนใจเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ต้องการรับประโยชน์จากเงินที่จ่ายไปมากกว่า แต่ถ้าสถานที่ให้บริการของคุณเป็นแบบ “ประหยัด” คุณอาจจะประชาสัมพันธ์ว่าราคาแพ็คเกจของคุณช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับแขกด้วยก็ได้

กำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณ

ต่อมา ให้ระบุนักท่องเที่ยวที่จะได้รับประโยชน์จากโปรโมชั่นนี้ หากคุณให้บริการสถานที่ให้บริการสำหรับครอบครัว ให้ลองร่วมมือกับสวนสนุกหรือพิพิธภัณฑ์ หากคุณมีสถานที่ให้บริการขนาดเล็กและหรูหราเหมาะสำหรับคู่รัก อาจลองมอบข้อเสนอเชิงวัฒนธรรมและทัวร์โรงบ่มไวน์ดู

เลือกพันธมิตร

The Aruba Marriott Resort และ Stellaris Casino ในอารูบาให้ข้อเสนอที่แขกต้องการ คือ กิจกรรมนอกสถานที่ เช่น การล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกดินและตั๋วเข้าชมฟาร์มผีเสื้อ คุณ Keirsin Tjon Pian Gi ผู้จัดการฝ่ายอีคอมเมิร์ซและประชาสัมพันธ์ได้ยอมรับว่ารีสอร์ทพิจารณาเลือกพันธมิตรในแพ็คเกจอย่างรอบคอบ “รีสอร์ทของเรามีผู้ให้บริการที่เราอยากร่วมงานด้วยและตัดสินใจจากความนิยมของทัวร์และกิจกรรมจากผู้ให้บริการนั้น”

จัดทำบริการเสริม

แพ็คเกจท่องเที่ยวส่วนมากรวมที่พักและกิจกรรม แต่อย่าลืมบริการเสริมในสถานที่ด้วย คุณสามารถเพิ่มคุณค่าให้กับแพ็คเกจได้โดยรวมบริการต่างๆ ในโรงแรม เช่น การรับประทานอาหาร ภาพยนตร์ในห้องพัก และทรีทเมนท์สปา คุณอาจบอกราคาเต็มของบริการในแพ็คเกจหรือให้บริการพร้อมส่วนลด ซึ่งจะช่วยให้แขกอยากลองบริการเสริมเหล่านี้และช่วยเพิ่มรายได้ให้กับคุณด้วย

พิจารณาเรื่องเวลา

แพ็คเกจควรรวมข้อเสนอที่จูงใจแขกให้เข้าพักในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวเพื่อขายห้องพักว่าง โรงแรมธุรกิจในเมืองมักจะใช้ข้อเสนอเพื่อเพิ่มยอดจองห้องพักในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หากมีอีเวนต์พิเศษหรืองานเทศกาลต่างๆ ให้ลองติดต่อผู้จัดงานเพื่อจัดทำข้อเสนอโปรโมชั่นร่วมในช่วงเวลานั้น คุณยังสามารถกำหนดการเข้าพักขั้นต่ำเพื่อเพิ่มยอดการจองในช่วงนั้นได้ด้วย

เริ่มจากเล็กๆ ก่อน

ลองใช้แพ็คเกจสัก 2 ถึง 3 แบบก่อนและดูเสียงตอบรับที่ได้ พันธมิตรแต่ละรายควรตกลงทดลองแพ็คเกจอย่างน้อย 6 เดือน อย่าจัดแพ็คเกจเกิน 5 แบบในเวลาเดียวกันเพื่อหลีกเลี่ยงการบริหารจัดการที่มากเกินไป แม้พันธมิตรของโรงแรมจะเป็นผู้ขายแพ็คเกจนี้ แต่ธุรกิจที่เข้าร่วมที่รับบัตรเครดิตก็ช่วยขายแพ็คเกจนี้ได้ด้วย หลังจากเปิดตัวแพ็คเกจอย่างเป็นทางการแล้ว ขอให้พันธมิตรทั้งหมดของคุณแสดงข้อมูลแพ็คเกจบนเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ของตนด้วย เช่น Facebook, Twitter และ Instagram

1. ที่มา: Matt Zito จากสถาบันธุรกิจท่องเที่ยว www.mattzito.com/2010/06/16/how-to-create-vacation-packages-for-your-travel-business/

2. ที่มาภาพ: https://www.facebook.com/qspaceresidence/

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประวัตินามสกุล ไชยพงษ์ ไชยพงศ์ ชัยพง

นักวิทยาศาสตร์รู้แล้วว่า! ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน?